บทวิเคราะห์ทองคำรายวัน 4 พฤศจิกายน 2568
วันที่: 4 พฤศจิกายน 2568
โดยภาพรวมตลาดยังคงมีความผันผวนจากแรงหนุนของปัจจัยความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกันการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและแรงขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นเร็วก็เป็นแรงกดดัน ทำให้มีโอกาสเห็นการพักตัวหรือปรับฐานในระยะสั้น หากราคายืนเหนือระดับ US$3,950–4,000 ได้ จะช่วยยืนยันโอกาสในการฟื้นตัวต่อ
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาวันนี้
- ปัจจัยหนุน:
- ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และภาวะตลาดการเงินที่ผันผวน ทำให้นักลงทุนหันมาถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
- กระแสการซื้อเพื่อถือครองในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (hedge) ของนักลงทุนสถาบันบางส่วน
- ปัจจัยกดดัน:
- ดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่า ทำให้ทองคำในหน่วย USD มีต้นทุนสูงขึ้นสำหรับนักลงทุนในสกุลอื่น
- แรงขายทำกำไรในกลุ่มผู้ซื้อรายสั้น หลังจากราคาขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา
แนวรับ — แนวต้าน (Key levels)
- แนวต้านสำคัญ:
- US$4,020 – US$4,050/ออนซ์ (โซนที่นักลงทุนอาจทยอยทำกำไร)
- หากผ่านขึ้นไปได้ต่อ US$4,100/ออนซ์ จะเป็นสัญญาณเชิงบวกเพื่อขึ้นไปทดสอบโซนสูงกว่า
- แนวรับสำคัญ:
- US$3,950/ออนซ์ (แนวรับระยะสั้น)
- หากหลุดแนวรับนี้ อาจเห็นการปรับฐานไปที่ US$3,900/ออนซ์ หรือต่ำกว่าในระยะสั้น
มุมมองเชิงเทคนิค (สั้น/กลาง)
- กรอบเวลาเชิงสั้น: ราคามีโอกาสพักตัวหรือลดลงเล็กน้อยเพื่อรีเซ็ตแรงซื้อ หากไม่ยืนเหนือ US$4,000 ได้ชัดเจน อาจเห็นการทดลองแนวรับ
- กรอบเวลาเชิงกลาง: แนวโน้มยังไม่ถูกทำลายหากยังยืนเหนือระดับแนวรับหลัก แต่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของดอลลาร์และการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุน (ข้อเสนอแนะทั่วไป — ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนส่วนบุคคล)
- นักลงทุนระยะสั้น:
- หากเทรดตามแนวรับ–แนวต้าน: พิจารณาเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวเข้าโซน US$3,950–3,900 พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน (stop loss) ใต้ US$3,880
- หากต้องการเข้าระยะสั้นในทิศทางขึ้น ควรรอให้ราคายืนเหนือ US$4,020 แล้วค่อยทยอยเปิดสถานะ
- นักลงทุนระยะกลาง–ยาว:
- พิจารณาถือครองในสัดส่วนที่เหมาะสมของพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง หากต้องการสะสมให้ทยอยซื้อเมื่อมีการย่อตัวและมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน
ข้อควรระวัง
- ข่าวสำคัญด้านเศรษฐกิจ (เช่น ดัชนีเงินเฟ้อ, ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ) หรือคำพูดจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง สามารถทำให้ราคาทองพลิกกลับได้อย่างรวดเร็ว
- กำหนดขนาดการลงทุนและการบริหารความเสี่ยง (position sizing และ stop loss) ให้เหมาะสมกับความสามารถรับความเสี่ยงของคุณ