วิเคราะห์รายวันทองคำ – วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568

วิเคราะห์รายวันทองคำ – วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568

สถานะปัจจุบัน

• ราคาทองโลก (Gold / XAU/USD) อยู่เหนือระดับ US $4,100/ออนซ์ โดยมีรายงานว่าสปอตโกลด์อยู่ราว US $4,132.08/ออนซ์ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2568 Yahoo Finance+2Yahoo การเงิน+2

• ทองคำแตะจุดสูงสุดราว US $4,131.32/ออนซ์ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. หลังจากคาดการณ์ว่า Federal Reserve (Fed) อาจลดอัตราดอกเบี้ย และมีสัญญาณว่าวิกฤตของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจคลี่คลาย Reuters

• แนวโน้มโดยรวมถูกมองเป็นขาขึ้น โดยมีแรงสนับสนุนจาก:

  • ความหวังว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะลดลง (ซึ่งลดต้นทุนโอกาสในการถือทอง) MarketPulse+1

  • ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าซึ่งช่วยให้ทองได้เปรียบ DailyForex+1

  • ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกและความไม่แน่นอนทางการเมือง/เศรษฐกิจ World Bank Blogs+1

ปัจจัยสำคัญที่น่าติดตาม

1. รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ – หากตัวเลข CPI ออกมาอ่อนแอ จะช่วยลดอัตราผลตอบแทนจริง (real yields) และเป็นบวกต่อทองคำ InvestingHaven

2. ความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐฯ (US Dollar Index :DXY) – หากดอลลาร์อ่อนค่า ย่อมช่วยให้ทองคำดูดีกว่า goldpriceforecast.com+1

3. ท่าทีของ Fed / วิกฤตรัฐบาลสหรัฐฯ – หากมีการลดดอกเบี้ยจริง หรือมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น จะช่วยหนุนราคาทอง Reuters+1

4. Technical & sentiment – แม้แนวโน้มขึ้นแข็ง แต่ก็มีสัญญาณเตือนว่าอาจมีการพักฐาน/แกว่งตัวได้ เช่น Sentiment ที่นักลงทุนส่วนใหญ่อยู่ฝั่ง Long อาจเป็นสัญญาณ Contrarian MarketPulse

แนวรับ–แนวต้านที่ควรจับตา

• แนวรับสำคัญ: ประมาณ US $4,050–4,000/ออนซ์ หากหลุดโซนนี้ อาจมีแรงขายกดดันลงมา MarketPulse+1

• แนวต้านที่น่าสนใจ: ประมาณ US $4,150–4,200/ออนซ์ ซึ่งหากทะลุได้ อาจเปิดทางไป US $4,250+ MarketPulse+1

คำแนะนำสำหรับวันนี้

• หากคุณเป็นนักลงทุนระยะสั้น: รอจังหวะเมื่อราคาอ่อนตัว (เช่น ปรับลงมาสู่ US $4,050 แล้ว) เพื่อเข้า Long ถือว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจ ภายใต้แนวโน้มขาขึ้น

• หากคุณเป็นนักลงทุนระยะกลาง/ยาว: สถานการณ์ยังเอื้อให้ถือทองเป็นพอร์ต “กันความเสี่ยง” เพราะปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแรง

• อย่างไรก็ตาม ควรระวัง: หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็ง หรือ Fed ส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบาย อาจทำให้ราคาทองโดนแรงขาย

สรุป

ณ วันที่ 14 พ.ย. 2568 ราคาทองอยู่ในโซนที่แข็งแกร่ง และได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย แต่ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเสี่ยง — ราคายังอาจมีการพักฐานหรือแกว่งตัวได้ หากไม่มีข่าวใหม่หนุนเพิ่ม ดังนั้น การเข้า/ถือทองควรมีแผนจัดการความเสี่ยง (stop-loss, position sizing) ด้วย